วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Car+Horoscope

คุณเคยคิดไหมเวลาจะซื้อรถยนต์แต่ละที ต้องใช้เวลาในการตัดสินใจซื้อ และพิจารณาอย่างถี่ถ้วน รถยนต์คันหนึ่งราคาก็ไม่ใช่ถูกๆ ผมมีอีกหนึ่งปัจจัยที่ขาดไม่ได้เมื่อต้องซื้อรถยนต์มาฝาก นั่นคือดวงของเรากับสีรถยนต์ และเลขทะเบียนรถยนต์ ซึ่งรู้ไว้ไม่เสียหายครับ แต่อย่าเชื่อจนงมงายนะครับ ใครเกิดวันไหน ก็มาเลือกดูได้เลยครับ




คนเกิดวันอาทิตย์
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 6 และเลข 3
•ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันศุกร์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอังคาร เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันอาทิตย์
รถสีแดงก่ำหรือสีแดงเลือดหมู
เสริมสง่าราศี มากด้วยบุญญาบารมี มีอำนาจวาสนา คนนบนอบยำเกรง
รถสีดำ
เสริมความน่าเคารพนับถือ เสริมดวงเรื่องทรัพย์สินเงินทอง การเงิน
รถสีขาว สีครีม
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีม่วงเปลือกมังคุด
เสริมดวงด้านศรัทธา ความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ และดวงเรื่องการเงิน
รถสีเขียว
เสริมดวงให้คนรักเมตตา อุปถัมภ์ค้ำชู ช่วยเหลือทำให้สะดวกราบรื่นในเรื่องต่างๆ
รถสีบรอนซ์ สีเทา สีทอง
เสริมดวงเรื่องเมตตามหานิยม เสริมเสน่ห์ การสนับสนุนเกื้อกูล
รถสีฟ้า สีน้ำเงิน
ไม่ควรออกรถสีนี้ เพราะเป็นกาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันจันทร์
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 1 และเลข 5
•ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอาทิตย์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพฤหัสบดี เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันจันทร์
รถสีส้ม สีเหลืองแก่
เสริมดวงเรื่องการเงิน ความมั่นคง ทุนทรัพย์ ราคาและคุณค่าที่จะเพิ่มพูนให้แก่ตนเองในปัจจุบันและภายภาคหน้า
รถสีดำ
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีน้ำเงิน สีทอง
เสริมเสน่ห์ ผู้ใหญ่รักเมตตาและเอ็นดู มีแต่สิ่งที่เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีม่วงเปลือกมังคุด
เสริมดวงด้านความสะดวกราบรื่นทุกอย่าง
รถสีชมพู
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีฟ้า
เสริมดวงให้ประสพความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีเขียว
อำนาจวาสนา บารมี เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับบัญชาคน
รถสีแดง
สีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันอังคาร
•ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันอังคาร ห้ามใช้ ก ข ค ฆ ง เพราะเป็นอักษรกาลกิณี
•เลข ทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 2 และเลข 1 และห้ามเลข เพราะทะเบียนที่มีเลข จะมีเรื่องและเกิดอุบัติบ่อยๆ ทำให้เสียเงินทองหรือทำให้เจ้าของได้รับบาดเจ็บ
•ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันจันทร์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอาทิตย์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันอังคาร
รถสีม่วงแก่
เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีดำ
เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ
รถสีบรอนซ์ สีเทา
เสริมความน่าเชื่อถือ ความไว้วางใจ
รถสีทอง สีแสด
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีน้ำตาล
เสริมดวงด้านความมั่นคงในชีวิต เช่นมั่นคงเรื่อง หลักทรัพย์ ทรัพย์สิน หน้าที่การงาน
รถสีเขียว
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง
รถสีแดง สีชมพู
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีขาว สีเหลืองนวล
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันพุธ (กลางวัน 06.01-18.00)
•ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันพุธ (กลางวัน) ห้ามใช้ จ ฉ ช ซ ฌ ญ เพราะเป็นอักษรกาลกิณี
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 3 และเลข 8
•ไม่ ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันอังคาร เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางคืน) เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้า จะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันพุธ (กลางวัน)รถสีน้ำเงิน สีฟ้า เสริมดวงด้านความเคารพนับถือ ยกย่องยอมรับ
รถสีน้ำตาล สีทอง
เสริมดวงด้านพลังอำนาจ เกียรติยศ และชื่อเสียงตำแหน่งหน้าที่การงาน อานุภาพอิทธิพลที่ทำให้คนเคารพยำเกรง มีความสามารถในการควบคุมบังคับ
รถสีขาว สีเหลืองอ่อน
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีเทา สีบรอนซ์
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีดำ
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น
รถสีม่วงแก่
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีเขียว
เสริมดวงด้านเสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีชมพู สีแสด
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต
คนเกิดวันพุธ (กลางคืน 18.01-06.00)
•ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันพุธ (กลางคืน) ห้ามใช้ บ ป ผ ฝ พ ฟ ภ ม เพราะเป็นอักษรกาลกิณี
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 5 และเลข 4
•ไม่ ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพฤหัสบดี เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางวัน)เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันพุธ (กลางคืน)
รถสีชมพู
เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีดำ
เสริมดวงด้านความเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน
รถสีเทา สีบรอนซ์
เสริมความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีม่วงแก่
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น
รถสีแดง สีน้ำตาล
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีส้ม สีทอง
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันพฤหัสบดี
•ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันพฤหัสบดี ห้ามใช้ ด ต ถ ท ธ น เพราะเป็นอักษรกาลกิณี
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 7
•ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันเสาร์ เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันพฤหัสบดี
รถสีแดง
เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีเทา สีบรอนซ์
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น
รถสีฟ้า
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีเขียว
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีส้ม สีทอง
เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีดำ สีม่วง สีน้ำเงิน
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันศุกร์
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 8 และเลข 7
•ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางคืน) เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันเสาร์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันศุกร์
รถสีเขียว
เสริมดวงให้คนเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีสีแดง สีทอง
เสริมดวงด้านความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองในหน้าที่การงาน
รถสีแดง สีชมพู
เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีเหลือง
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีดำ
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น
รถสีน้ำตาล
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีฟ้า สีน้ำเงิน
เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีเทา สีบรอนซ์ สีม่วง
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

คนเกิดวันเสาร์
•ตามหลักทักษาคนที่เกิดวันเสาร์ ห้ามใช้ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ เพราะเป็นอักษรกาลกิณี
•เลขทะเบียนรถห้าม ไม่ให้มีเลข 4 และเลข 6
•ไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันพุธ (กลางวัน) เพราะเป็นกาลกิณีในวันเกิดและไม่ควรทำการมงคลต่างๆ ในวันศุกร์ เพราะเป็นวันคู่ศัตรูวันเกิด
•ถ้าจะออกรถ สีรถที่ควรเลือกใช้หรือสีรถที่ถูกโฉลก ของคนเกิดวันเสาร์
รถสีแดง
เสริมดวงให้คนยอมรับเชื่อถือและไว้วางใจ
รถสีชมพู
เสริมดวงให้ประสพผลสำเร็จได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู ได้รับการสงเคราะห์เกื้อหนุนจากผู้ใหญ่ ได้รับการส่งเสริม ในการดำเนินชีวิตและหน้าที่การงาน
รถสีน้ำเงิน สีฟ้า
เสริมดวงด้านความสงบปลอดภัยจากเหตุร้าย เช่น อุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
รถสีทา สีบรอนซ์
เสริมโชควาสนา เสริมวาสนาบารมี โชคลาภ ความโชคดี
รถสีทอง สีเหลือง
เสริมดวงด้านการแก้ปัญหา ไร้อุปสรรค ไร้ศัตรูและคู่แข่ง ชีวิตมีแต่ความสะดวก ราบรื่น
รถสีดำ สีม่วงแก่
เสริมความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต หลักทรัพย์ โชคลาภ เสน่ห์ที่ทำให้คนรักใคร่เมตตา และศรัทธาในตัวเรา
รถสีเขียว สีแสด
เป็นสีต้องห้าม เพราะเป็น กาลกิณี หมายถึง โชคร้าย อัปมงคล ความเป็นเสนียด ศัตรูคู่แข่ง อุปสรรคในการดำเนินชีวิต

แหล่งอ้างอิงข้อมูล : www.mahamodo.com


เลขทะเบียนรถเสริมดวง

ประเทศจีน ได้มีความเชื่อว่า เลขรถที่ขับมีผลต่อชีวิต และอุบัติเหตุต่อชีวิต ขึ้นอยู่กับอำนาจดวงดาวของตัวเลขรถต่อผู้นั้น ได้มีผู้วิเคราะห์ไว้ว่า เลขนี้ส่งผลอย่างไรต่อผู้ขับ มีผู้ได้มาทดสอบ และได้ความจริงของเลขที่มีผลต่อคุณ ดังนี้

ตัวอย่าง หมายเลขทะเบียน ศว 1212
คือ 1 + 2 + 1 + 2 = 6
ให้ดูความหมายเลข 6

ตัวอย่าง หมายเลขทะเบียน ศศ 5959
คือ 5 + 9 + 5 + 9 = 28
แปลง 2 + 8 = 10
แปลง 1 + 0 = 1
ให้ดูความหมายเลข 1


ความหมายเลขต่าง ๆ
เลข 1
หมายถึง มีตำแหน่งใหญ่ มีโลกส่วนตัว ชีวิตครอบครัวไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ส่งผลให้ทำเพียงผู้เดียว อยู่กับครอบครัว
เลข 2
หมายถึง ผู้หญิง ความสุข ความสบาย การมีคู่ช่วยเหลือ และนำพาความสะดวกมาให้รถคันนี้มากมาย
เลข 3
การมีชีวิตอยู่อย่างมี การให้กำเนิดและการเริ่มต้นที่ดีเป็นเลขพระ บ่งบอกการเริ่มต้นสำเร็จต่างๆ และกำไรต่างๆ และอาจหมายถึงอุบัติเหตุ
เลข 4
คดีความ ทะเลาะ มีปัญหา ไม่ดี แก้นำทองแผ่น 3 แผ่นแปะให้พระเจิม เป็นสิริมงคลแก่รถ และขอพรเทพให้ช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย
เลข 5
หมายถึงการซ่องแซม การติดขัดเรื่องเงิน แก้โดยนำพวงมาลัยถวายแม่ย่านาง ทุกวันเกิดตนเองให้แคล้วคลาดและโชคดีขึ้น
เลข 6
หมายถึง แสดงถึงคนช่วยเหลือมากมาย คนให้เงินและมีความเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดจากอันตราย
เลข 7
หมายถึง ต้องเสียเงินกับการเดินทาง อุบัติเหตุ แก้ให้นำดอกไม้ถวายพระในรถขอพรให้ทุกวันเกิดตนเองจะทำให้ตนเองมีเงินมากขึ้น และแคล้วคลาด
เลข 8
หมายถึง ความรุ่งเรือง ความมั่งมี และสมหวังด้านการงานและสุขภาพ สมบูรณ์ดี
เลข 9
หมายถึง ความสำเร็จนิรันดร ความก้าวหน้า ความสุขต่อไป แคล้วคลาดปลอดภัยดี

จึงควรเลือกเลขให้มีโชค เพราะจะทำให้ตัวคุณพบกับสิ่งทำให้ตัวเองดีขึ้นต่อไป

โดย อ.ชัชวัสส์ เดโชเพชรสวัสดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการ ตั้งชื่อ และ ตั้งนามสกุล
แหล่งอ้างอิงขู้อมูล : www.fortunename.com

วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Most Expensive Cars In The World

10 อันดับรถยนต์ที่มีราคาแพงที่สุดในโลก ปี 2009-2010

บางคนยอมจ่ายเงินจำนวนมาก เพื่อแลกกับรถยนต์สุดหรู แทนที่จะนำเงินจำนวนนั้นไปซื้ออย่างอื่นที่มีประโยชน์มากกว่า อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นผู้มีรสนิยม และมีเงินมากพอ คุณก็ย่อมที่จะหาโอกาสนำเจ้ารถราคาแพงคันนั้นมาเป็นเจ้าของของคุณ เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ถึงความร่ำรวยของคุณและนี่คือ 10 สุดยอดรถ Supercars ที่แพงที่สุดในโลก ปี 2009 - 2010 ไล่จากอันดับ 10


10. Porsche Carrera GT $440,000.
  • รถซุปเปอร์คาร์ที่เปี่ยมไปด้วยสมรรถนะชั้นเลิศ โดยเจ้า Porsche Carrera GT สามารถเร่งถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 3.9 วินาที และเหยียบสูงสุดได้ถึง 205 ไมล์ต่อชั่วโมง



9. Mercedes Benz SLR McLaren Roadster $495,000.
  • ด้วยรูปลักษณ์ของรถเปิดประทุนที่บ่งบอกถึงความหรูหรา บวกกับสมรรถนะเครื่องยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ทำให้มันสามารถเร่งถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง เพียง 3.8 วินาที และเร่งได้สูงสุดถึง 206 ไมล์ต่อชั่วโมง



8. Koenigsegg CCX $545,568.

  • Koenigsegg CCX รถสัญชาติสวีเดน ที่ทางบริษัทพยายามสู้อย่างหนักเพื่อให้ได้เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุด ในโลก โดยในปัจจุบัน มันอยู่อันดับ 4 ในลิสต์ของรถที่เร็วที่สุดในโลก สามารถเหยียบได้ถึง 245 ไมล์ต่อชั่วโมง

7. Saleen S7 Twin Turbo $555,000.
  • รถซุปเปอร์คาร์สัญชาติอเมริกันรายแรกที่ถูกผลิตออกมา โดยเจ้าคาวบอยตัวนี้จัดอยู่ในอันดับ 3 ของรถที่เร็วที่สุดในโลก เพราะมันสามารถเหยียบได้ถึง 248 ไมล์ต่อชั่วโมง และเร่งได้ถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 3.2 วินาที



6. SSC Ultimate Aero $654,400.

  • ถึง SSC Ultimate Aero จะถูกจัดอยู่ในอันดับ 6 ของรถที่แพงที่สุดในโลก แต่มันกลับกลายเป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่เร็วที่สุดในโลก ด้วยอัตราเร่งที่สามารถเร่งได้ถึง 257 ไมล์ต่อชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 2.7 วินาที ในการเร่งที่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง



5. Pagani Zonda C12 F $667,321.

  • Pagani Zonda C12 F ถูกผลิตโดย บริษัท Small Independent ใน ประเทศอิตาลี โดยมันถูกจัดอยู่ในอันดับ 5 ของรถที่เร็วสุดในโลก ซึ่งสามารถเร่งได้ถึง 215 ไมล์ต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่ง 0- 60 ไมล์ต่อชั่วโมง แค่ 3.5 วินาที



4. Ferrari Enzo $670,000.

  • Ferrari Enzo ถูกผลิตขึ้นเพียง 400 คันทั่วโลกเท่านั้น โดยสามารถเร่งได้ถึง 217 ไมล์ต่อชั่วโมง และมีอัตราเร่ง 0 - 60 ไมล์ต่อชั่วโมง ภายในเวลา 3.4 วินาที

3. McLaren F1 $970,000.

  • ในปี 1994 McLaren F1 เป็นรถที่เร็ว และแพงที่สุดในโลก แม้ว่าจะผ่านมา 15 ปีแล้วก็ตาม ด้วยสมรรถนะที่สามารถเร่งได้ถึง 240 ไมล์ต่อชั่วโมง และใช้เวลาเพียง 3.2 วินาที ในอัตราเร่งที่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง McLaren F1 จึงยังเป็นรถที่ติดอยู่ในอันดับท๊อปๆ และมีคุณสมบัติที่ดีกว่ารถ supercars คันอื่นๆ



2. Lamborghini Reventon $1,600,000.

  • Lamborghini Reventon จัดได้ว่าเป็นรถที่ดูมีพลัง และแพงที่สุด ในอันดับ 2 มันสามารถใช้เวลาเพียง 3.3 วินาที ในอัตราเร่งที่ 60 ไมล์ต่อชั่วโมง และเหยียบได้ถึง 211 ไมล์ต่อชั่วโมง เนื่องจากมันเป็นรถที่สร้างขึ้นเพียง 20 คันโลก และมีรูปลักษณ์ที่ดูเป็นเหลี่ยม จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงมีราคาแพง และทำไมผู้มีรสนิยมทั่วโลกต่างหามาไว้ในครอบครอง



1. Bugatti Veyron $1,700,000.

  • สำหรับอันดับ 1 ของรถที่แพงสุดในโลกในขณะนี้ ขอยกตำแหน่งให้ Bugatti Veyron ด้วยรูปลักษณ์ที่เฉียบ และสมรรถนะชั้นเลิศ ที่สามารถออกตัวในอัตรา 0 - 60 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยใช้เวลาเพียง 2.6 วินาที และสามารถเร่งได้ถึง 253 ไมล์ต่อชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เจ้า Bugatti Veyron ก็ยังเป็นรอง SSC Ultimate Aero ในเรื่องของเจ้าความเร็วอยู่ดี


  • แต่อย่างไรก็ตามทั้ง10อันดับที่กล่าวไว้ข้างต้น ก็ยังคงมีราคาแพงไม่เท่า Bugatti Royale Kellner Coupe รุ่นปี1931 เพราะได้บันทึกสถิติโลกในหนังสือกินเนสส์บุ๊คไว้ว่าเป็นรถยนต์ที่แพงที่สุดในโลก

  • ซึ่งเหตุการณ์สำคัญอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ยานยนต์ เกิดขึ้นที่ Royal Albert Hall ที่ลอนดอน เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี1987 ในการประมูลรถยนต์จากคอลเล็คชั่นต่างๆ10คัน โดยมีคนเข้าร่วมประมูลกว่า4,000คน1 ใน 10คันนั้นเป็น Bugatti Royale Kellner Coupe ปี1931 บอดี้สวยคราสสิก ฐานล้อยาว 4.5เมตร และน้ำหนักตัว3.2ตัน วางขุมพลังขนาด8สูบ 12.7ลิตร อัตราการบริโภคน้ำมัน 7ไมล์/แกลลอน ที่น่าสนใจคือ Bugatti รุ่นนี้ผลิตเพียง6คันในโลกเท่านั้นราคาตอนเปิดตัวในปี 1931 อยุ่ที่45,000ดอลลาร์ (เทียบมูลค่าปัจจุบันจะอยุ่ที่700,000ดอลลาร์) ด้วยราคาที่สูงสุดกู่ ไม่มียานยนต์ใดๆที่มีราคาสูงถึง 8,700,000ดอลลาร์ หรือราวๆ 365,400,000บาท โดยนักสะสมรถในญี่ปุ่นไม่เผยนาม

แหล่งอ้างอิงข้อมูล : www.thesupercars.org

วันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

The Fastest Cars In The World

10 อันดับสุดยอดรถที่เร็วที่สุดในโลก ปี 2010
พบกับสุดยอดรถที่เร็วที่สุดในโลกล่าสุดและมีการบันทึกเข้าสถิติโลกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งรถแต่ละรุ่นมีรูปลักษณ์ที่โดดเด่นและมีความเร็วเป็นเอกลักษณ์

10. Porsche Carrera GT : 205 mph
Porsche Carrera GT ทำความเร็วสูงสุด 205 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.9 วินาที ตัวถังอลูมิเนียม เครื่องยนต์ 68 Degree, Water Cooled V10 Engine 612 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ $440,000 เป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพสูงสุดและก็แพงที่สุดของ Porsche ในขณะนั้น จุดเด่นของรถรุ่นนี้คือการนำเทคโนโลยีเซรามิกเข้ามาช่วยทำฐานวางเครื่องยนต์ทำให้สามารถวางเครื่องยนต์ใน Chassis ได้ต่ำกว่ารถรุ่นอื่นๆ เป็นการลดศูนย์ถ่วงทำให้สมดุลดีขึ้น




9. Lamborghini Murcielago LP640 : 211 mph
Lamborghini Murcielago LP640 ทำความเร็วสูงสุด 211 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.3 วินาที เครื่องยนต์ V12 Engine 640 แรงม้าที่ 8000 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $430,000 เป็นรถ 2 ที่นั่ง 2 ประตู 6 speeds




8. Pagani Zonda F : 215 mph
Pagani Zonda F ทำความเร็วสูงสุดที่ 215 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.5 วินาที เครื่องยนต์ Mercedes Benz M180 V12 Engine 650 แรงม้า ราคาเริ่มต้น $667,321 เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2005




7. Jaguar XJ220 : 217 mph
Jaguar XJ220 ทำความเร็วสูงสุดได้ 217 miles/hr เช่นกัน อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.8 วินาที เครื่องยนต์แบบ Twin Turbo V6 Engine 542 แรงม้าที่ 7200 rpm 6 speeds ราคาเริ่มต้นที่ $650,000 ผลิตในปี 1992





6. Ferrari Enzo : 217 mph
Ferrari Enzo ทำความเร็วได้สูงสุดที่ 217 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.4 วินาที เครื่องยนต์ F140 Aluminum V12 Engine ความจุ 4700 cc 660 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ $670,000 ผลิตขึ้นเพียง 399 คันเท่านั้น ซึ่งราคาปัจจุบันเกิน $1,000,000 ไปแล้ว ตัวถังทำจาก carbon fiber ทำให้เบา




5. McLaren F1 : 240 mph
McLaren F1 ทำความเร็วได้สูงสุด 240 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.2 วินาที เครื่องยนต์ BMW S70/2 60 Degree V12 Engine 627 แรงม้าที่ 7400 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $970,000 ประตูออกแบบคล้ายปีกค้างคาว




4. Koenigsegg CXX : 245 mph
Koenigsegg CXX ทำความเร็วได้ 245 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 ใน 3.2 วินาที เครื่องยนต์แบบ 90 Degree V8 Engine ความจุ 4700 cc 806 แรงม้าที่ 6900 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $545,568 ผลิตขึ้นที่สวีเดน เพื่อชิงตำแหน่งรถที่เร็วที่สุดโดยเฉพาะแต่ก็ยังห่างไกลจาก SSC Ultimate Aero หรือ Bugatti Veyron




3. Saleen S7 Twin-Turbo : 248 mph
Saleen S7 Twin-Turbo ทำความเร็วได้เป็นอันดับ 3 อยู่ที่ 248 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 3.2 วินาที เครื่องยนต์ Twin Turbo All Aluminum V8 Engine ความจุ 7000 cc 750 แรงม้าที่ 6300 rpm ราคาเริ่มต้นที่ $555,000 รูปลักษณ์โฉบเฉี่ยว




2. Bugatti Veyron : 253 mph
Bugatti Veyron ทำความเร็วถึง 253 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 2.5 วินาที เครื่องยนต์ Aluminum, Narrow Angle W16 Engine 1001 แรงม้า ราคาเริ่มต้นที่ $1,700,000 จัดได้ว่าเป็นรถที่แพงที่สุดเลยก็ว่าได้ แต่ถือได้ว่าเป็นรถที่อัตราเร่งเร็วที่สุดในโลกและมีประสิทธิภาพสูงสุด



1. SSC Ultimate Aero : 257 mph
SSC Ultimate Aero ทำสถิติความเร็ว 257 miles/hr อัตราเร่ง 0 – 60 mph ใน 2.7 วินาที เครื่องยนต์ Twin-Turbo V8 Engine 1183 แรงม้า และยังสามารถปรับแต่งทั้งภายในภายนอกพร้อมทั้งจูนเครื่องพิ่มแรงม้าได้ถึง 1287 แรงม้า และสามารถทำความเร็วได้สูงที่สุดคือ 270 mph ซึ่งเป็นสถิติโลกที่ถูกบันทึกไว้ ราคาเริ่มต้นที่ $654,4000. ถูกบันทึกสถิติโลกโดย Guinness World Record ตั้งแต่ปี 2007 ซึ่งเบียดชนะ Bugatti Veyron แซงมาเป็นที่ 1 กลายเป็นรถที่เร็วที่สุดในโลก


แหล่งอ้างอิงข้อมูล : www.thesupercars.org

วันอังคารที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Lexus LF-A ซุปเปอร์คาร์รุ่นแรกของLexus

  • Lexus LF-A ซูเปอร์คาร์จาก Lexus มาพร้อมกับเทคโนโลยีล่าสุดของเครื่องยนต์ V10 ขนาด 4.8 ลิตร ให้กำลังถึง 552 แรงม้า ในราคากว่า 53 ล้านบาท


  • เล็กซัส แบรนด์หรูจากญี่ปุ่น ขยายแนวรุกโชว์เทคโนโลยี ด้วยการเปิดตัวซูเปอร์คาร์รุ่นแรก LFA โครงสร้างผลิตจาก คาร์บอนไฟเบอร์เพื่อลดน้ำหนัก ขับเคลื่อนล้อหลังด้วยเครื่องยนต์ วี10 ความจุ 4,800 ซีซี 552 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติซีเควนเชียล 6 จังหวะ ท๊อปสปีด 320 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

  • หัวหน้าทีมวิศกร Mr. Haruhiko Tanahashi กล่าวว่า “เล็กซัส LFA เป็นซูเปอร์คาร์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายเดียว นั่นคือ เพื่อมอบประสบการณ์ที่สุดยอดในการขับให้แก่เจ้าของ”







  • โครงสร้างตัวถังเปลี่ยนจากอะลูมิเนียมเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ซึ่งถูกใช้ในการผลิตชิ้นส่วนตัวถังด้วย และด้วยเทคโนโลยีการผลิตที่ล้ำสมัย ส่งผลให้คาร์บอนไฟเบอร์ที่ใช้ใน LFA มีความแข็งแรงมากกว่าอะลูมิเนียมถึง 4 เท่า และที่สำคัญ สามารถลดน้ำหนักตัวถังลงได้ประมาณ 100 กิโลกรัม เมื่อเปรียบเทียบกับการผลิตด้วยอะลูมิเนียม โดย LFA ใช้คาร์บอรไฟเบอร์มากถึง 65 เปอร์เซ็นต์ เชื่อมต่อกันด้วยเรซินเทคโนโลยีเดียวกับอากาศยาน ส่วนที่เหลืออีก 35 เปอร์เซ็นต์เป็นอะลูมิเนียม

  • มิติตัวถังมีความยาว 4,505 มิลลิเมตร กว้าง 1,895 มิลลิเมตร สูง 1,220 มิลลิเมตร ฐานล้อ 2,605 มิลลิเมตร ความกว้างล้อหน้า 1,580 มิลลิเมตร ล้อหลัง 1,570 มิลลิเมตร ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลมเพื่อผลทางแอโรไดนามิก ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน 0.31


  • LFA ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V10-72 องศา หายใจธรรมดา ไร้ระบบอัดอากาศ ฝาสูบแบบ DOHC 40 วาล์ว DUAL VVT-i จากกระบอกสูบ 88.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 79 มิลลิเมตร อัตราส่วนการอัด 12.0:1 ให้กำลังสูงสุด 552 แรงม้า ที่ 8,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 49 กก.-ม. ที่ 6,800 รอบต่อนาที รอบสูงสุด 9,000 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานไอเสีย ยูโร 5 อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง





  • LFA มีน้ำหนัก 1,480 กิโลกรัม คิดเป็นอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก 373 แรงม้าต่อตัน การกระจายน้ำหนักหน้า:หลัง 48:52 เปอร์เซ็นต์ และ 115 แรงม้าต่อความจุ 1 ลิตร ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ Automated Sequential Gearbox (ASG) ใช้เวลาเปลี่ยนเกียร์ 0.2 วินาที ขับเคลื่อนล้อหลังพร้อมลิมิเต็ดสลิป มาพร้อมระบบช่วยการทรงตัว Vehicle Dynamic Integrated Management (VDIM) ควบคุมระบบต่างๆ ให้ทำงานสัมพันธ์กันทั้งเอบีเอส วีเอสซี และแทร็คชั่นคอนโทรล

  • ระบบเบรกดิสก์ 4 ล้อ ผลิตจากคาร์บอนเซรามิก Carbon Ceramic Material (CCM) คาลิเปอร์อะลูมิเนียมหน้า 6 พอต จานเบรก 390x34 มิลลิเมตร คาลิเปอร์หลัง 4 พอต จานเบรก 306x28 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนเซ็ตเพื่อการขับแบบสปอร์ตโดยเฉพาะ ด้านหน้าดับเบิลวิชโบนหรือปีกนก 2 ชั้น ด้านหลังมัลติลิงก์ ชิ้นส่วนช่วงล่างผลิตจากอะลูมิเนียม พวงมาลัยแร็กแอนด์พิเนียนพร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า ประกบด้วยล้อแม็กอะลูมิเนียมฟอร์จของ BBS และยางบริดสโตน ด้านหน้า 265/35ZR20 และด้านหลัง 305/20ZR20




  • ภายในห้องโดยสาร เน้นโครงสร้างแบบโปร่ง เน้นหลักสรีระศาสตร์ เบาะทรงสปอร์ตหุ้มหนัง ตกแต่งด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ปัดด้านป้องกันแสงสะท้อน แป้นคันเร่งและเบรกผลิตจากอะลูมิเนียม อุปกรณ์ครบครันตามสไตล์รถหรู

  • ชุดมาตรวัด เน้นที่มาตรวัดรอบแบบเข็ม LCD สามารถตั้งให้เปลี่ยนสีในรอบที่ต้องการเปลี่ยนเกียร์ คล้ายชิฟต์ไลต์ โดยจะเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อถึง 9,000 รอบต่อนาที และสามารถโปรแกรมให้เป็นสีเหลืองและเขียวได้ในรอบที่ผู้ขับต้องการ



  • ระบบความปลอดภัยครบครัน ทั้งเชิงป้องกันและแก้ไข โครงสร้างอุโมงค์เกียร์ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ กล่องลดแรงกระแทกด้านหน้าคาร์บอนไฟเบอร์ ด้านหลังผลิตจากอะลูมิเนียม บานประตูเสริมความแข็งแรงด้วยคานคาร์บอนไฟเบอร์ แอร์แบ็กคู่หน้าแบบ 2 จังหวะ แอร์แบ็กที่เข็มขัดนิรภัย และแอร์แบ็กหัวเข่าคู่หน้า


  • เล็กซัส LFA เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2000 จากนั้นจึงเผยคันต้นแบบปี 2003 ในปี 2008-2009 ขับทดสอบในสนามนูร์บูร์กริง และล่าสุดเผยโฉมคันจริงพร้อมจำหน่ายในโตเกียว มอเตอร์โชว์ 2009

  • เล็กซัส LFA จะประกอบด้วยมือที่โรงงาน Motomachi ในโตโยต้าซิตี้ โดยจะผลิตเพียง 500 คันเท่านั้น ด้วยอัตราการผลิต 20 คันต่อเดือน ส่วนเครื่องยนต์วี10 จะประกอบโดยวิศวกรเพียงคนเดียว และจะเซ็นชื่อกำกับไว้ด้วยเมื่อตรวจสอบเรียบร้อย



Lexus LFA Specifications

แบบ.............................................. สปอร์ตสองประตูสองที่นั่ง

ลักษณะการวางเครื่องยนต์..............เครื่องยนต์วางด้านหน้าทำมุม 70 องศา ขับเคลื่อนล้อหลัง

เครื่องยนต์....................................V10 สูบ 40 วาว์ล 4วาว์ลต่อสูบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮตแคม

ปริมาตรความ จุ..............................4805 ซี.ซี.

แรงม้า สูงสุด..................................552 แรงม้าที่ 8800 รอบต่อนาที

แรง บิดสูงสุด..................................480 นิวตันเมตรที่ 6800 รอบต่อนาที

ปริมาณ แรงม้าต่อลิตร......................114.6 แรงม้า/ลิตร

อัตราส่วน กำลังอัด..........................12:0:1

ระบบจ่ายเชื้อ เพลิง..........................หัวฉีดอีเล็คโทรนิค

ฝา สูบ/ลูกสูบ..................................อลูมินัมอัลลอย

อัตรา เร่ง........................................0-100 กิโลเมตรใน 3.8 วินาที

ความเร็ว สูงสุด...............................325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ระบบส่งกำลัง................................เกียร์เซมิออโต้ ASG 6สปีด

ระบบกันสะเทือน

ด้านหน้า.......................................ดับเบิ้ลวิช โบน คอยสปริง เหล็กกันโคลง

ด้านหลัง.......................................มัลติลิ้งค์ คอยสปริง เหล็กกันโคลง

ล้อและยาง

ด้านหน้า.......................................265/35/ZR 20 95Y Bridgestone RE070

ด้านหลัง.......................................305/30/ZR20 99Y Bridgestone RE070

ระบบเบรค

ด้า่นหน้า.......................................จานดิสเบรคคาร์บอน 390 มิลลิเมตร คาร์ลิปเปอร์ 6สไลส์ลูกสูบ

ด้านหลัง.......................................จานดิสเบรคผสม 360 มิลลิเมตร คาร์ลิปเปอร์ 4 สไลส์ลูกสูบ

มิติตัวถัง

ความกว้าง....................................1895 มิลลิเมตร

ความยาว......................................4505 มิลลิเมตร

ความสูง........................................1220 มิลลิเมตร

น้ำหนัก.........................................1480.73 กิโลกรัม

จำนวนการผลิต..............................500 คัน

ราคา............................................. ประมาณ 53 ล้านบาท

แหล่งอ้างอิงข้อมูล : www.autospinn.com

วันจันทร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

Hot Cars On Films

ภาพยนตร์ในอดีตและปัจจุบันมีอยู่หลายเรื่องที่มักจะมีรถยนต์ประจำคู่กายประกอบฉากเสมอ ซึ่งมีอยู่หลายเรื่องด้วยกันทั้งนี้เพื่อเพิ่มความบันเทิงและความโดดเด่นให้กับภาพยนตร์เรื่องนั้น ซึ่งล้วนเป็นรถยนต์ที่สวยและไฮเทค อีกทั้งยังเป็นรถในฝันของอีกหลายๆคน ผมจึงได้รวบรวมสุดยอดรถที่ใช้ในภาพยนตร์มาให้ชมกัน รถทั้งหมดนี้บางรุ่นก็มีจำหน่ายจริงและเอามาดัดแปลงเพิ่มเติมเข้าไป แต่ส่วนใหญ่จะไม่มีจำหน่ายจริงเสียมากกว่า เป็นการออกแบบมาเพื่อใช้ในการถ่ายทำภาพยนตร์โดยเฉพาะ แต่ทั้งหมดนี้ก็สามารถใช้งานได้จริง วิ่งได้จริงๆ ไม่ใช่แค่ภาพกราฟิกเท่านั้น ลองไปชมกันครับว่ามีรถรุ่นไหนจากภาพยนต์เรื่องใดกันบ้าง บางรุ่นอาจดูเก่าไปหน่อยตามยุคสมัยของภาพยนตร์ครับ

Batmobile (The Tumbler)
จากภาพยนตร์เรื่อง Batman Begins (2
005),The Dark Knight (2008)





Lexus 2054
จากภาพยนตร์เรื่อง Minority Report (2002)






DeLorean time machine
จากภาพยนตร์เรื่อง The Back to the Future Trilogy (1985-90)





Land Rover 101 Forward Control
จากภาพยนตร์เรื่อง Judge Dredd (1995)






Bumblebee (Chevrolet Camaro - 5th Generation)
จากภาพยนตร์เรื่อง Transformers (2007),Transformers: Revenge of the Fallen (2009)






Batmobile
จากภาพยนตร์เรื่อง Batman (1989),Batman Returns (1992)





Aston Martin DB5
จากภาพยนตร์เรื่อง James Bond: Goldfinger (1964)






KITT (1982 Pontiac Firebird Trans Am)
จากภาพยนตร์เรื่อง Knight Rider (1982)






Ecto-1 (Cadillac Miller-Meteor)
จากภาพยนตร์เรื่อง Ghostbusters (1984)






Audi RSQ
จากภาพยนตร์เรื่อง I Robot (2004)






Aston Martin V12 Vanquish
จากภาพยนตร์เรื่อง James Bond:
Die another day (2002)





Aston Martin DBS
จาก ภาพยนตร์เรื่อง James Bond:
Casino Royale (2006)





Toyota Supra
จาก ภาพยนตร์เรื่อง
The Fast And The Furious (2001)





Nissan Skyline GTR R34
จาก ภาพยนตร์เรื่อง
The Fast And The Furious 2 (2003)




Mitsubishi Evolution 9
จาก ภาพยนตร์เรื่อง
The Fast And The Furious : Tokyo Drift (2006)





Subaru Impreza WRX STI
จาก ภาพยนตร์เรื่อง The Fast And The Furious 4 (2009)




Audi R8 Spyder
จากภาพยนตร์เรื่อง Iron Man 2 (2010)